กรุงมอสโกนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้เพื่อการกักกันตัวผู้ที่ติดไวรัสโคโรนา
กรุงมอสโกอยู่ในระหว่างการนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนที่ถูกสั่งให้กักตัวจะยังคงอยู่ที่บ้านหรือที่โรงแรมที่พักภายใต้มาตรการกักตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
กรุงมอสโกนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้เพื่อการกักกันตัวผู้ที่ติดไวรัสโคโรนา เมื่อวันศุกร์ นายกเทศมนตรีกรุงมอสโกกล่าวว่า กรุงมอสโกอยู่ในระหว่างการนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนที่ถูกสั่งให้กักตัวจะยังคงอยู่ที่บ้านหรือที่โรงแรมที่พักภายใต้มาตรการกักตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา รัสเซียได้พยายามสกัดกั้นชาวจีนที่เดินทางเข้ามายังประเทศเป็นการชั่วคราว เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัส แต่ยังคงรับชาวรัสเซียที่เดินทางกลับประเทศ พร้อมคำสั่งที่จะต้องอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แม้ว่าจะไม่มีอาการของโรคก็ตาม นายเซร์เกย์ โซเบียนิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก ได้กล่าวว่า ประชาชนราว 2500 คน ที่เดินทางเยือนเมืองในประเทศจีน จะต้องถูกบังคับเข้าสู่การกักตัวเอง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ประชาชนเหล่านั้นออกจากที่พัก หน่วยงานของรัสเซียกำลังอยู่ในระหว่างการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าภายในเมืองสำหรับจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืน โดยนายโซเบียนิน ได้เขียนในเว็บไซต์ของเขาว่า “การปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เคร่งครัดจะต้องได้รับการติดตามเป็นระยะ ๆ ซึ่งรวมถึงความช่วยเหลือจากระบบจดจำใบหน้าและมาตรการทางเทคนิคอื่น ๆ” นายโซเบียนินอธิบายว่า มีกรณีหนึ่งที่ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินทางกลับจากประเทศจีนออกจากอพาร์ตเมนต์และไปพบปะกับเพื่อน ๆ นอกที่พัก ทั้งนี้ หน่วยงานต่าง ๆ สามารถติดตามคนขับรถแท็กซี่ที่รับผู้หญิงคนนั้นจากสนามบินไปยังที่พักได้ ซึ่งเป็นเพราะภาพวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั่นเอง นายโซเบียนินกล่าวว่า กรุงมอสโกได้ถูกบังคับให้เข้าจับกุมผู้ที่มีโอกาสเป็นพาหะของไวรัสและนายโซเบียนินได้กล่าวบางอย่างว่า “ไม่น่าพึงพอใจแต่มันจำเป็น”โดยสำนักงานนายกเทศมนตรีกรุงมอสโกไม่ได้ตอบคำขอความเห็นโดยในทันที นายโซเบียนิน ได้กล่าวไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่า กรุงมอสโกได้ริเริ่มใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฝ้าระวังความปลอดภัยของเมือง นายดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ได้กล่าวว่า เขายังไม่เคยเห็นรายละเอียดของการดำเนินการของกรุงมอสโก ทว่ามาตรการในการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาไม่ควรเลือกปฏิบัติการควบคุมกฎในการกักตัวเกิดขึ้นภายหลังที่ผู้หญิงคนหนึ่งในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้วางแผนหลบหนีออกจากโรงพยาบาลอย่างแยบยลที่ซึ่งหล่อนอ้างว่าถูกกักตัวโดยไม่เต็มใจ เหตุการณ์ซึ่งเป็นผลให้มีคำสั่งศาลให้หญิงคนดังกล่าวกลับไปยังที่พักเพื่อกักตัว ได้ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเข้มแข็งของมาตรการการกักกันตัวจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หน่วยงานของรัสเซียมีรายงานว่า รัสเซียมีผู้ป่วยจำนวน 2 เคส โดยเป็นชาวจีน 2 ราย ซึ่งได้รับการรักษาจนหายดีและกลับจากโรงพยาบาล