กิจกรรมการมอบกุญแจเมือง

กิจกรรมการมอบกุญแจเมือง

กุญแจเมืองหรือกุญแจสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร

(The Key to the City of Bangkok)

       การมอบ “กุญแจเมือง” หรือ “กุญแจแห่งนคร” ได้เริ่มขึ้นในราวคริสตศตวรรษที่ 16 (พุทธศักราช 2000) ณ ประเทศอังกฤษ ขณะนั้น มุขอำมาตย์ (Lord Chamberlain) มีหน้าที่สำคัญในการต้อนรับแขกเมือง โดยตระเตรียมการรับรองต้อนรับและจัดงานรัฐพิธีต่าง ๆ แด่แขกของพระเจ้ากรุงอังกฤษ มุขอำมาตย์ผู้นี้มีไม้เท้าถือสีขาว กับกุญแจประดับเพชรเป็นเครื่องหมายอันมีเกียรติประจำตำแหน่ง ในระยะนั้น บรรดาทูตานุทูตต่างประเทศที่ไปประจำใน
ราชสำนักอังกฤษจะต้องยื่นสาส์นตราตั้งต่อมุขอำมาตย์เป็นผู้พิจารณาในนามของพระเจ้ากรุงอังกฤษ เมื่อมุขอำมาตย์ยอมรับสาสน์ตราตั้งแล้วก็จะมอบกุญแจอันมีเกียรติให้แก่เอกอัครราชทูตเพื่อแสดงว่ายอมรับความเป็นทูตและต้อนรับให้พำนักอยู่ในราชอาณาจักรได้ ประเพณีการมอบกุญแจเมืองจึงได้เริ่มขึ้น

 ต่อมา ในสมัยกลาง (พุทธศักราช ๒๑๐๐ – ๒๓๐๐) ทุกนครในยุโรปได้ก่อสร้างกำแพงเมือง ที่สูงใหญ่เพื่อป้องกันนคร เช่นเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้สร้างกำแพงเมืองขึ้นเพื่อป้องกัน
พระนคร เมื่อทรงย้ายเมืองหลวงจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนคร กำแพงนี้ทั้งในยุโรป และประเทศไทยมีประตูใหญ่ไว้เพื่อแสดงว่าเป็นทางเข้าสู่ตัวเมืองประตูนี้จะปิดลั่นกุญแจเสมอในยามค่ำคืนหรือระหว่างมีเหตุฉุกเฉิน

        การมอบกุญแจเมืองหรือกุญแจประจำนคร จึงกลายเป็นประเพณีมอบให้แก่ผู้มาเยือนซึ่งมีความหมายเสมือนว่ามอบกุญแจให้เพื่อไขประตูเข้าเมืองได้ ตามความจริงนั้นกุญแจที่มอบให้แก่แขกเมืองมิใช่กุญแจจริงที่จะใช้ไขประตูได้แต่เป็นกุญแจสัญลักษณ์แห่งการต้อนรับนครต่างๆ ของชาติที่เจริญแล้วถือปฏิบัติมอบกุญแจให้กันเพื่อแสดงความยกย่อง และให้เกียรติแด่แขกคนสำคัญที่มาเยือนนครนั้น ๆ

       กรุงเทพมหานครเป็นนครหลวงของประเทศไทย ในอดีตมีการปกครองระบบเทศบาล ได้แก่เทศบาลนครกรุงเทพ ทำหน้าที่บริหารและปกครองท้องถิ่นมีนายกเทศมนตรีนครกรุงเทพเป็นหัวหน้าผู้บริหาร จึงได้จัดให้มีกุญแจสัญลักษณ์ประจำนครขึ้น ดังนั้นนายกเทศมนตรีจึงเป็นผู้มอบกุญแจนี้แก่ผู้มีเกียรติที่มาเยือนพระนครพิธีการทูลเกล้าฯถวาย หรือมอบกุญแจเมือง แด่พระราชอาคันตุกะ เริ่มมีเป็นครั้งแรกใน พ.ศ.2504 เมื่อคราวฯพณฯ ซูการ์โน (Sukarno)ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ระหว่างวันที่16-20 เมษายน พ.ศ.2504 พิธีมอบกุญแจเมือง ในครั้งนั้นได้จัดขึ้นที่สถานีรถไฟจิตรลดา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรอรับพระราชอาคันตุกะอยู่ ณ  ที่นั่นด้วย ซึ่งต่อมาเทศบาลนครกรุงเทพได้จัดพิธีต้อนรับและมอบกุญแจเมือง ณ ปะรำพิธีของเทศบาลนครกรุงเทพที่จัดสร้างขึ้นบริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศใน ทุกคราวเมื่อมีพิธีมอบกุญแจเมืองแด่พระราชอาคันตุกะ ซึ่งเทศบาลกรุงเทพ หรือกรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา ก็ได้จัดพิธีรับเสด็จหรือต้อนรับพระราชอาคันตุกะ และทูลเกล้าฯ ถวายหรือมอบกุญแจเมือง ณ ปะรำพิธีที่เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศมาโดยตลอด จนกระทั่งใน พ.ศ. 2533 กรุงเทพมหานครได้จัดสร้างพลับพลาถาวรของกรุงเทพมหานครขึ้น(ในบริเวณเดิมที่ เคยเป็นโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย) และเมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซียเสด็จฯเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ระหว่างวันที่ 17-21ธันวาคม พ.ศ. 2533 กรุงเทพมหานครได้จัดพิธีรับเสด็จในนามประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร และทูลเกล้าฯ ถวายกุญแจเมือง แด่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ณ พลับพลาถาวรของกรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม  พ.ศ.2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า พลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ จากนั้น ทุกครั้งที่มีพระราชอาคันตุกะเสด็จฯหรือเดินทางมาเยือนอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ กรุงเทพมหานครก็ได้จัดพิธีรับเสด็จหรือต้อนรับ และทูลเกล้าฯถวายหรือมอบกุญแจเมือง ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ตลอดมาจนปัจจุบัน โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้มอบกุญแจเมืองให้แก่ประมุขของต่างประเทศที่มาเยือนกรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ (State Visit)

       พิธีมอบกุญแจเมืองจัดขึ้น ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้มอบกุญแจเมืองและกล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับและมอบของที่ระลึกเมื่อสิ้นสุดการเยือนซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะต้องแต่งกายในชุดขาวเต็มยศพร้อมกับสวมสร้อยสังวาลย์ประดับ ซึ่งถือว่าเป็นชุดแต่งกายพิเศษประจำตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

        กุญแจเมืองที่มอบในพิธีเป็นกุญแจจำลองที่เป็นกะไหล่ทองและเนื่องในวโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ในปีพุทธศักราช 2542  กรุงเทพมหานคร  จึงได้จัดทำกุญแจจำลองสัญลักษณ์กรุงเทพมหานครทองคำขึ้นเพื่อมอบแด่พระราชอาคันตุกะและอาคันตุกะของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ( State Visit ) และได้มอบกุญแจจำลองสัญลักษณ์กรุงเทพมหานครทองคำในพิธี นับแต่นั้นเป็นต้นมา

1

16  เมษายน  2504 ฯพณฯ ประธานาธิบดีซูการ์โน แห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย

2

 6  ธันวาคม   2504 ฯพณฯ ประธานาธิบดีอาร์ทูโร ฟรอนดิซิ แห่งสาธารณรัฐอาร์เจนตินา และภริยา

3

12 มกราคม  2505 สมเด็จพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 9 และสมเด็จพระราชินีอินกริด แห่งเดนมาร์ค

4

21 พฤศจิกายน 2505 ฯพณฯ ประธานาธิบดีเฮนริค ลืบเค่ แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา

5

14  ธันวาคม  2505 พลเอกเนวิน ประธานสภาปฏิวัติแห่งสหภาพพม่า

6

14  กุมภาพันธ์  2506 สมเด็จพระเจ้าปอลที่ 1 และสมเด็จพระราชินีแห่งเฮลลีนส์

7

22 มีนาคม  2506 สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา เจ้ามหาชีวิตแห่งราชอาณาจักรลาว

8

15 ตุลาคม  2506 สมเด็จพระราชินีจูเลียนา แห่งเนเธอร์แลนด์ และพระราชสวามี

9

10  กุมภาพันธ์  2507 สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งเบลเยี่ยม

10

24  กุมภาพันธ์  2507 สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย

11

14  ธันวาคม  2507 เจ้าชายอากิฮิโต มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่นและเจ้าหญิงมิชิโกะพระชายา

12

15 มกราคม  2508 สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งนอร์เวย์

13

2  กุมภาพันธ์  2508 เจ้าชายเบอร์ทิล แห่งประเทศสวีเดน

14

10  กุมภาพันธ์  2509 ฯพณฯ นายพลปาร์ค ชุง ฮี ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลีและภริยา

15

28  ตุลาคม  2509 ฯพณฯ ประธานาธิบดีลินดอน บี จอห์นสัน แห่งสหรัฐอเมริกา

16

17  มกราคม  2510 ฯพณฯ ประธานาธิบดีฟรานซ์ โจนาส แห่งสาธารณรัฐออสเตรีย

17

15 มกราคม 2511 ฯพณฯ ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ อี มาร์คอส แห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์

18

22  มกราคม  2511 สมเด็จพระจักรพรรดิโมฮัมหมัด เรซา ชาห์เลวี และสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน

19

14  พฤษภาคม  2511 สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งเอธิโอเปีย

20

28  กรกฎาคม  2512 ฯพณฯ ประธานาธิบดีริชาร์ด เอ็ม นิกสัน แห่งสหรัฐอเมริกา และภริยา

21

19  มีนาคม  2513 ฯพณฯ พลเอกซูฮาร์โต ประธานธิบดีแห่งสาธารณอินโดนีเซีย และภริยา

22

9  กุมภาพันธ์ 2515 สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่ และไอร์แลนด์เหนือ

23

27  มีนาคม  2515 ฯพณฯ ประธานาธิบดีศรี วาราหคิรี เวงกฏ แห่งอินเดียและภริยา

24

1  กุมภาพันธ์  2516 สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย

25

4  มีนาคม  2522 ฯพณฯ ประธานาธิบดีและประธานมนตรีแห่งสหภาพพม่า

26

8  เมษายน  2522 ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐบังคลาเทศ

27

3  กรกฎาคม  2524 ฯพณฯ ชุน ดู ฮวาน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี

28

29  กุมภาพันธ์  2527 ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

29

12  ธันวาคม  2527 สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งเนปาล

30

11 มีนาคม  2528 ฯพณฯ หลี เซียน เหนียน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

31

17  ธันวาคม  2528 สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย

32

21  ตุลาคม  2530 ฯพณฯ เวีญ อุล ฮัก ประธานาธิบดีแห่งปากีสถาน

33

18  พฤศจิกายน  2530 สมเด็จพระราชาธิบดีฮวน คาลอส และสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน

34

28  มีนาคม  2531 ฯพณฯ ฮุสเซน มูฮัมหมัด เออร์ชาด ประธานาธิบดีแห่งบังคลาเทศ

35

1  พฤศจิกายน  2531                  สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งบรูไน ดารุสซาลาม

36

17  ธันวาคม  2533 สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย

37

10  มิถุนายน  2534 ฯพณฯ หยาง ช่าง คุน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

38

26 กันยายน  2534 สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น

39

6  มกราคม  2535 ฯพณฯ ไกสอน พมวิหาน ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

40

15  กุมภาพันธ์  2536 ฯพณฯ อาพัด กั๊นส์ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฮังการี

41

11  กุมภาพันธ์  2537 ฯพณฯ วาชลาฟ ฮาเวล ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเชค

42

14  กุมภาพันธ์  2538 ฯพณฯ หนูฮัก พูมสะหวัน ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

43

28  ตุลาคม  2539 สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ

44

24  พฤศจิกายน  2539 ฯพณฯ วิลเลี่ยม เจฟเฟอร์สัน คลินตัน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา

45

10  ตุลาคม  2541 ฯพณฯ เจิ่น ดึ๊ก เลือง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

46

2  กันยายน  2542 ฯพณฯ เจียง เจ๋อ หมิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

47

7  กุมภาพันธ์  2544 สมเด็จพระราชินีนาถมาเกรเธอร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก

  48   

26 สิงหาคม  2545 สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮาจี ฮัซซานัล โบลเกียห์ มูอิซซาดิน วัดเดาลาห์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม

49

25 กุมภาพันธ์  2546 สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ แห่งสวีเดน และสมเด็จพระราชินีซิลเวีย

50

19   มกราคม    2547 สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์

51

17  มกราคม   2548 นายเอส อาร์ นาธานประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์

52

17  กุมภาพันธ์  2549 นายฌาคส์  ชีรัค ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

53

21  กุมภาพันธ์ 2549 สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งสเปน
54 9  มีนาคม  2552 สมเด็จพระราชาธิบดี อัลวาทิก บิลลาห์ ตวนกู  มิซาน ไซนัล อาบีดีน อิบนี อัลมาร์ฮูม สุลต่านมะห์มูด อัลมุกตาฟี บิลลาห์ ชาห์ สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 13 แห่งมาเลเซีย และสมเด็จพระราชินี ประไหมสุหรีอากง ตวนกู นูร์ ซาฮีราห์

55

12  พฤษภาคม  2552 ฯพณฯ จูมมาลี  ไซยะสอน ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

56

 2  กันยายน 2556 สมเด็จพระราชาธิบดี อัลมูตัสสิมู บิลลาฮี มูฮิบบุดดิน ตวนกู อัลฮัจญ์ อับดุล ฮาลิม มูอัซซัม ชาห์ อิบนี อัลมาฮูม สุลต่าน บาดลิชาห์และสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซียพระองค์ที่ 14 และสมเด็จพระราชินี ประไหมสุหรี อากง ตวนกู ฮัจญะห์ ฮามินะห์

ลักษณะของกุญแจเมือง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีรายละเอียด ดังนี้ ตัวกุญแจเป็น

ทองคำแท้ มีความยาว 6 นิ้ว น้ำหนักทองประมาณ 90 กรัม ส่วนบนของกุญแจเป็นตรากรุงเทพมหานคร คือ เป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ รูปดุนนูน มีลวดลายไทยล้อมรอบ ส่วนล่างของกุญแจแกะสลักแบบดุนนูน ด้านหนึ่งสลักคำว่า City of Bangkok และอีกด้านหนึ่ง สลักเป็นคำว่า Bangkok Thailand บรรจุอยู่ในกล่องกำมะหยี่สีเขียวซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร
 
 
กุญแจจำลองสัญลักษณ์กรุงเทพมหานคร
 
     การมอบ “กุญแจเมือง” ได้เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 (พุทธศักราช 2000) ณ ประเทศอังกฤษ ขณะนั้น มุขอำมาตย์ (Lord Chamberlain) มีหน้าที่สำคัญในการต้อนรับแขกเมืองโดยตระเตรียมการรับรองต้อนรับและจัดงานรัฐพิธีต่างๆ แด่แขกของพระเจ้ากรุงอังกฤษ มุขอำมาตย์ผู้นี้มีไม้เท้าถือสีขาวกับกุญแจประดับเพชรเป็นเครื่องหมายอันมีเกียรติประจำตำแหน่ง ในระยะนั้น บรรดาทูตานุทูตต่างประเทศที่ไปประจำในราชสำนักลอนดอนจะต้องยื่นสาสน์ตราตั้งต่อมุขอำมาตย์เป็นผู้พิจารณาในนามของพระเจ้ากรุงอังกฤษ เมื่อมุขอำมาตย์ยอมรับสาสน์ตราตั้งแล้วก็มอบกุญแจอันมีเกียรติให้แก่เอกอัครราชทูตเพื่อแสดงว่า ยอมรับการเป็นทูตและต้อนรับให้พำนักอยู่ในราชอาณาจักรได้ ประเพณีการมอบกุญแจเมืองจึงได้เริ่มขึ้น การมอบกุญแจเมืองจึงกลายเป็นประเพณีมอบให้แก้ผู้มาเยือนซึ่งมีความหมายเสมือนว่ามอบกุญแจให้เพื่อไขประตูได้แต่ เป็นสัญลักษณ์แห่งการต้อนรับนครต่างๆ ที่เจริญแล้วถือปฏิบัติมอบกุญแจให้กั้นเพื่อแสดงความยกย่องและให้เกียรติแก่แขกคนสำคัญที่มาเยือนนครนั้นๆ
 
 
กรุงเทพมหานครเป็นนครหลวงของประเทศไทย ในอดีตมีการปกครองระบบเทศบาลได้แก่ เทศบาลนครกรุงเทพ มีนายกเทศมนตรีนครกรุงเทพเป็นหัวหน้าผู้บริหารและเป็นผู้มอบกุญแจนี้แก่แขกมีเกียรติที่มาเยือน พระนครแต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจึงเป็นผู้มอบกุญแจเมืองให้แก่ประมุขของต่างประเทศที่มาเยือน
กรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ (state Visit) พิธีมอบกุญแจเมืองจัดขึ้น ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้มอบกุญแจเมืองแล้วกล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับพร้อมทั้งมอบของที่ระลึก เมื่อสิ้นสุดการเยือน ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะต้องแต่งกายในเครื่องแบบปกติขาวเต็มยศพร้อมกับสวมสร้อยสังวาลประดับซึ่งถือว่าเป็นชุดแต่งกายพิเศษประจำตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เนื่องใน
วโรการมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบของพระบาทของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ กรุงเทพมหานครได้จัดทำกุญแจจำลองสัญลักษณ์กรุงเทพมหานครเป็นทองคำแท้เพื่อมอบให้แก่พระราชอาคันตุกะและอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 2000 (พุทธศักราช 2543) เป็นต้นไป
 
เรียบเรียงโดย  กองการต่างประเทศ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร
 
 

ข้อเสนอแนะ
ติดตามเรา