การศึกษาดูงานของคณะนักศึกษามหาวิทยาลัย Mathias Cornivus Collegium Academy สาธารณรัฐฮังการี

การศึกษาดูงานของคณะนักศึกษามหาวิทยาลัย Mathias Cornivus Collegium Academy สาธารณรัฐฮังการี

สรุปสาระสำคัญ

การบรรยายสรุปเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการรับมือต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019ให้กับคณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัย Mathias Cornivus Collegium Academy สาธารณรัฐฮังการี

วันที่ 11 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น.

ผู้แทนจากหน่วยงานกรุงเทพมหานครที่เข้าร่วมต้อนรับ

สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (Strategy and Evaluation Department)

  1. นายวิฑูรย์ อภิสิทธิ์ภูวกุล รองผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล
  2. นางสาวรัชพร เลี้ยงประเสริฐ หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์บริหารจัดการ

 สำนักอนามัย (Health Department)

  1. ดร.ฉันทพัทธ์ พฤกษวัน นายแพทย์ชำนาญการ

รักษาการผู้อำนวยการศูนย์บริการสาธารณสุข 26

  1. ดร. ฐิติสันต์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นายแพทย์ชำนาญการ

รักษาการผู้อำนวยการศูนย์บริการสาธารณสุข 28

 สำนักงบประมาณ (The BMA Budget Department)

นางกนกวรรณ อาร์โรโย                               นักวิเคราะห์งบประมาณปฏิบัติการ

 สำนักพัฒนาสังคม (Social Development Department)

  1. นางพิชญ์สินี ปานเกตุ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ

                                    หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาด

  1. นางณปภัช ละออเอี่ยม นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ  
  2. นายกิตติพันธ์ ธรรมประดิษฐ์ นักพัฒนาสังคมปฏิบัติการ     
  3. นายกานต์ มีสัตย์ธรรม นักพัฒนาสังคมปฏิบัติการ
  4. นางสาวสมรัตน์ มันทะติ นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ

 สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (Culture, Sports and Tourism Department)

นายสิทธิโชค พัดเย็น                                   นักพัฒนาการท่องเที่ยวปฏิบัติการ

สรุปสาระสำคัญการนำเสนอของผู้แทนหน่วยงานกรุงเทพมหานคร

1. สำนักยุทธศาสตร์เเละประเมินผล นำเสนอในหัวข้อ“บทบาทและความรับผิดชอบของศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 ของกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้ประสานงานส่วนกลาง และความสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร”

นายวิฑูรย์  อภิสิทธิ์ภูวกุล รองผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผลให้ข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 ของกรุงเทพมหานครและอำนาจหน้าที่ ดังนี้  

  1. โครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 ของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย

คณะกรรมการอำนวยการ โดยมีรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์) เป็นประธาน และดำเนินการผ่านคณะทำงานจำนวน 7 คณะ ได้แก่

- คณะทำงานด้านการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาด โดยสำนักอนามัย

- คณะทำงานด้านการรักษาพยาบาลผู้ป่วย โดยสำนักการแพทย์

- คณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล โดยสำนักสิ่งแวดล้อม

- คณะทำงานด้านช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟู โดยสำนักพัฒนาสังคม

- คณะทำงานด้านประสานงานการดูแลความสงบเรียบร้อย โดยสำนักเทศกิจ

- คณะทำงานด้านต่างประเทศ โดยสำนักงานการต่างประเทศ

- คณะทำงานด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์

  1. อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 ประกอบด้วย
  • อำนวยการ ควบคุม กำกับดูแล การปฏิบัติงานของศูนย์บริหารสถานการณ์ฯ เพื่อให้

เป็นไปตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9แห่งพระราชกาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

  • ประสานและติดตามผลการปฏิบัติงานของคณะทำงานด้านต่าง ๆ ในศูนย์ฯ จัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

กับการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) เพื่อให้ผู้บริหารใช้ประกอบการตัดสินใจสั่งการ อำนวยการและประสานการปฏิบัติกับทุกภาคส่วน ติดตามประเมินสถานการณ์และสรุปรายงานผลให้ผู้ว่าราชการ-กรุงเทพมหานครและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบ

  • สั่งการให้หน่วยงานและส่วนราชการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายที่กำหนด รวมทั้ง

ขอความร่วมมือภาคเอกชนเพื่อให้การบริหารสถานการณ์ของศูนย์ฯเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีเอกภาพและประสิทธิภาพสูงสุด

  • บริหารจัดการข้อมูลที่ได้รับรายงานจากคณะทำงานด้านต่าง ๆ ของศูนย์บริหารสถานการณ์ฯ

ตลอดจนข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและแนวโน้มของสถานการณ์ในอนาคต

  • พิจารณาแก้ไขปัญหาหรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานตามพระราชกาหนดการบริหารราชการ

ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อให้ได้ข้อยุติ

ฯลฯ
ในส่วนของความสำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อแผนพัฒนากรุงเทพมหานครนั้น นายวิฑูรย์ อธิบายว่า

นอกเหนือจากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บทที่สำคัญต่าง ๆ กรุงเทพมหานครได้นำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน   หรือ SDGs มาเชื่อมโยงกับการวางยุทธศาสตร์ในแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20ปี ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2561-2565)  

ทั้งนี้ แผนพัฒนากรุงเทพมหานครประกอบด้วย 7 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ มหานครปลอดภัย มหานครสีเขียว สะดวกสบาย มหานครสำหรับทุกคน มหานครกระชับ มหานครประชาธิปไตย และมหานครแห่งเศรษฐกิจและการเรียนรู้ และหากบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานครจะสามารถเป็นมหานครแห่งเอเชีย (The vibrant of Asia) ได้ ซึ่งนอกจากกรุงเทพจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก ศูนย์กลางเศรษฐกิจและโอกาสแล้ว กรุงเทพมหานครจะเป็นเมืองในภูมิภาคที่มี   ความยั่งยืน นอกจาก แผนสำคัญที่เกี่ยวข้องและนโยบายสำคัญระดับโลกแล้ว แผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี ได้นำโอกาสและความเสี่ยงจากกระแสการเปลี่ยนแปลงระดับโลกพิจารณาประกอบจำนวน 4 ประเด็นหลัก ดังนี้

  1. การปฏิวัติทางเทคโนโลยีและดิจิทัลทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็วและมีการนำ เทคโนโลยีมาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต อาทิ สุขภาพ การศึกษา ส่งผลให้แรงงานทักษะต่ำถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีและบางธุรกิจต้องปิดตัวลง เนื่องจากจาก technological disruption
  2. ความมุ่งมั่นของนานาชาติในการลดก๊าซเรือนกระจก ทำให้เเทคโนโลยีสีเขียวก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุน ในการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมลดต่ำลง อาทิ พลังงานหมุนเวียน ขณะที่สินค้าและบริการที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงมีแนวโน้มถูกกีดกันทางการค้า
  3. การเป็นสังคมสูงวัยของหลายประเทศทั่วโลกทำให้ความต้องการสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยมีความได้เปรียบในด้านสินค้าและบริการดังกล่าว ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
  4. ความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจทำให้เกิดการกระจายการผลิตและการลงทุนนอกประเทศจีน ส่งผลให้ตลาดอาเซียนมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามการค้าและการลงทุนทั่วโลก ไม่ฟื้นตัวเต็มที่

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังได้นำบริบทของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  (COVID-19) พิจารณาประกอบการจัดทำแผนพัฒนากรุงเทพมหานครด้วย

          สำหรับเป้าหมายตามแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี ประกอบด้วย

  1. กรุงเทพมหานครให้มีมาตราฐานความปลอดภัยและมีความพร้อมในการตอบสนองต่อวิกฤติการณ์ รวมถึงมีความทันสมัยและอบอุ่นน่าอยู่สำหรับทุกกลุ่มที่มีความหลากหลายอย่างเท่าเทียม มีความยั่งยืน เพื่อสุขภาวะ ที่ดีต่อทุกคน
  2. มีระบบความเชื่อมโยงสาธารณูปโภคสาธารณูปการตอบสนองรูปแบบวิถีชีวิตคนเมือง พร้อมทั้งต่อยอดการเป็นศูนย์กลางเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์เเละการเรียนรู้เพื่อเป็นมหานครที่สร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจจากอัตลักษณ์ เเละความได้เปรียบจากการเรียนรู้สร้างสรรค์ของเมือง นอกจากนั้นยังมุ่งส่งเสริมสร้างเมืองประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม เพื่อออกเเบบมหานครให้เปิดพื้นที่ให้กับความต้องการของประชาชนด้วยระบบข้อมูลการจัดการเมืองที่สนองตอบต่อ ประโยชน์สาธารณะ
  3. การสร้างความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการมหานครทำให้เป็นมหานครที่มีสมรรถนะและความคล่องตัวสูงในการจัดการความหลากหลายและความซับซ้อนของเมือง

 คำถาม

1.กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่กำลังจะจมน้ำ อีกทั้งยังมีระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงอีก  กรุงเทพมหานครมีแผนรับมืออย่างไร

ทางตรง กรุงเทพมหานครส่งเสริมความร่วมมือกันกับจังหวัดใกล้เคียงเพื่อร่วมกันกำหนดกลยุทธธ์รับมือปัญหาดังกล่าว เช่น การสร้างเทคโนโลยีเพื่อป้องกันระดับน้ำทะเลในระยะยาว ขณะเดียวกันในทางอ้อม ได้ดำเนินการรณรงค์ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทนและสร้างการตระหนักรู้ต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม

2. แผนพัฒนาการใช้พลังงานของกรุงเทพมหานครคืออะไร

กรุงเทพมหานครจะรณรงค์การใช้พลังงานหมุนเวียนและทำให้ประชาชนตระหนักถึงการลดใช้ไฟฟ้าของเมืองและส่งเสริมการใช้รถยนต์ EV โดยเฉพาะรถสาธารณะสำหรับการขนส่ง ซึ่งอาจดำเนินการได้ในระยะอันใกล้

2.สำนักอนามัย นำเสนอในหัวข้อ “ความท้าทายของกรุงเทพมหานครด้านสาธารณสุขในการบริหารจัดการเมืองท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่น ๆ รวมถึงความเป็นไปได้ในการบังคับใช้มาตรการเข้มข้นสูงสุดกรณีเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ รวมถึงนโยบายการกระจายวัคซีน”

ดร.ฉันทพัทธ์ พฤกษวัน นายแพทย์ชำนาญการ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์บริการสาธารณสุข 26 นำเสนอข้อมูล ดังนี้

  • ภาพรวมการระบาดของโควิด -19 ในกรุงเทพฯ เกิดขึ้นสามระลอก

การระบาดระลอกแรก เกิดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2563จุดเริ่มต้น เกิดจากสนามมวยและสถานบันเทิง รวมถึงพลเมืองที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยในระลอกแรก ประเทศไทยไม่มีวัคซีน และการรักษาเฉพาะทาง ส่งผลให้ผู้ป่วยกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นถึง 4% และกรุงเทพมหานคร.เป็นที่แรกในประเทศไทยที่ประกาศล็อคดาวน์บางพื้นที่ก่อนรัฐบาลจะประกาศล็อคดาวน์ทั้งประเทศและมีการคลายล็อคดาวน์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

การระบาดระลอกที่2 เกิดขึ้นกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 จุดเริ่มต้นเกิดที่ร้านขายของทะเล จังหวัดสมุทรสาคร ที่เป็นจังหวัดใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ ที่มีเเรงงานต่างด้าว ต่อมาได้แพร่สู่กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 การระบาดได้รับการควบคุม เนื่องจากมีการตรวจหาผู้ที่มีการติดต่อกับผู้ติดเชื้ออย่างใกล้ชิดเป็นวงกว้าง  

การระบาดระลอกที่ 3 เกิดในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 เป็นการระบาดของโควิด- 19 สายพันธ์เดลต้าอย่างรวดเร็ว กรุงเทพฯได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง เเละอัตราการตายสูงในการระบาดระลอกที่ 3 โดยกรุงเทพมหานครได้รวบรวมเเละวิเคราะห์ข้อมูล เช่น ข้อมูลประชากร เพื่อออกเเบบมาตรการ

  • การดำเนินการเพื่อรับมือกับโควิด – 19 ในกรุงเทพมหานคร

โครงสร้างองค์กรสำหรับการควบคุมติดเชื้อ ได้แก่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) ส่วนการจัดการกรณี COVID-19 แบ่งเป็น 3 กรณี กรณีที่ไม่มีอาการ หรือไม่มีความเสี่ยงเเนะนำให้กักตัวอยู่ที่บ้านหรือสถานพยาบาล  กรณีการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการที่มีความเสี่ยงสูง ต่อโรคร้ายแรง เเนะนำให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล สถานพยาบาลผู้ป่วยเฉพาะกิจเเละรับยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir ) อย่างเร็วที่สุด

 กรณีอาการด้านจิตใจเเละไม่มีความเสี่ยงเเนะนำให้กักตัวอยู่บ้านหรือการกักตัวในชุมชนหรือสถานพยาบาล สำหรับกรณีอาการปานกลางถึงรุนแรงหรือมีความเสี่ยงสูงตามอาการเเนะนำให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเเละรับการรักษา ตามแนวทางปฏิบัติทางคลินิกของประเทศไทย ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้จัดสรรทั้งยาเเละการจัดส่งอาหารสำหรับผู้ป่วยที่กักตัวอยู่ที่บ้าน

สถานที่สำหรับการกักตัวมีทั้งหมด 57 เเห่ง ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ 10 เเห่ง กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง 8 เเห่ง กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ 15 เเห่ง กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก 8เเห่ง กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ 9  เเห่ง  กลุ่มเขตกรุงธนใต้  7 เเห่ง

กลุ่มเป้าหมายตามลำดับความสำคัญสำหรับบริการวัคซีนโควิด-19 ประกอบด้วย บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข

ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีอาการ7 NCDs ภายในพื้นที่ระบาดทั้ง 6 เเห่ง  ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี  ผู้ที่มีโรค 7 โรคที่ไม่ติดต่อ หรือNCDs เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบตัน หลอดเลือดสมอง เบาหวาน สำหรับปัจจัยแห่งความสำเร็จในการบริหารจัดการการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ได้แก่ โครงสร้างการจัดการที่มีประสิทธิภาพ แนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน และความร่วมมือ จากทุกภาคส่วน

  • ความท้าทายในการรักษาระบบสุขภาพของกรุงเทพมหานครในช่วงการระบาดของโควิด-19 ได้แก่ ประชากรไหลออกจำนวนมากและระบบดูแลสุขภาพของกรุงเทพมหานครต้องดำเนินการเกินศักยภาพ

คำถาม

  1. ประชาชนมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการปฏิบัติตามมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ โควิด-19 และสิ่งที่เป็น ความท้าทายที่สุดในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

ประชาชนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอย่างดี ส่วนความท้าทาย คือ วัคซีนที่มีจำกัดและการจัดสรรวัคซีนอย่างเหมาะสม

3.สำนักงบประมาณนำเสนอในหัวข้อ“ความท้าทายของกรุงเทพมหานครด้านเศรษฐกิจและงบประมาณในการบริหารจัดการเมืองท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19”

นางกนกวรรณ อาร์โรโย นักวิเคราะห์งบประมาณปฏิบัติการ นำเสนอข้อมูล ดังนี้

โครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การบริหารราชการส่วนกลาง ประกอบด้วย สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวง และกรม การบริหารราชการ ส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย จังหวัดและอำเภอ โดยส่วนกลางจะแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการ และเป็นผู้แทนของ รัฐบาลในการรับนโยบายและคำสั่งจากส่วนกลางในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของ ประชาชน และการปกครองส่วนท้องถิ่นใช้หลักการกระจายอำนาจ ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ซึ่งมีกฎหมายจัดตั้งเป็นการเฉพาะจำนวน 2 หน่วยงาน คือ กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา เพื่อความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบาย และการดำเนินการทางด้านการเงินการคลัง ภายใต้การกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย

สำหรับกรุงเทพมหานครเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายในการจัดบริการสาธารณะ ให้กับประชาชนในกรุงเทพมหานครให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งกรุงเทพมหานครสามารถออกกฎหมายและจัดเก็บรายได้  เป็นของตนเอง เช่น ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีน้ำมัน ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

          นโยบายการจัดทำงบประมาณของกรุงเทพมหานครเป็นแบบสมดุล (Balanced budget policy) โดยปีงบประมาณ ของประเทศไทย เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 30 กันยายน ของปีถัดไป แหล่งที่มาของงบประมาณกรุงเทพมหานครประกอบด้วย

- เงินงบประมาณกรุงเทพมหานครประกอบด้วย รายได้ที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเอง และส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ ค่าธรรมเนียม และค่าใบอนุญาต รายได้จากทรัพย์สิน รายได้จากสาธารณูปโภคและการพาณิชย์ และรายได้เบ็ดเตล็ด

รวมถึงงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ซึ่งมีแหล่งที่มาจากเงินจ่ายขาดจากเงินสะสมของกทม.

- เงินอุดหนุนจากรัฐบาล ซึ่งจะได้รับการจัดสรรให้ตามภารกิจที่ถ่ายโอนหรือมอบหมายให้กรุงเทพมหานคร

เป็นผู้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในรูปแบบของเงินอุดหนุนประจำปี ซึ่งมีแหล่งที่มาจากเงินภาษีและ เงินจัดสรรงบกลาง ระหว่างปี ซึ่งมีแหล่งที่มาจากภาษีและเงินกู้ยืม โดยกรุงเทพมหานครมีอิสระในการบริหารจัดการงบประมาณ ทั้งในส่วนของเงินงบประมาณกรุงเทพมหานคร และเงินอุดหนุนจากรัฐบาล แต่ทั้งนี้ต้องสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

 

ตารางข้างต้นแสดงการเปรียบเทียบงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ปีงบประมาณพ.ศ. 2561 – 2565 แยกเป็นงบเงินอุดหนุนจากรัฐบาล และงบประมาณกรุงเทพมหานคร ที่ได้ประกาศใช้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณมีแนวโน้มที่สูงขึ้น แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ทำให้ต้องมีการปรับการจัดทำ งบประมาณให้สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤตดังกล่าวที่เกิดขึ้น

 

ตารางข้างต้นแสดงถึงเงินอุดหนุนรัฐบาล และงบประมาณกรุงเทพมหานครปีงบประมาณ พ.ศ. 2561-2565 ซึ่งพบว่า

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561-2562 เงินอุดหนุนรัฐบาลไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เนื่องจากในขณะนั้น ยังไม่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – 2564 มีการจัดสรรงบประมาณ เพิ่มเติมเพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดฯที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ในขณะที่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – 2564 เงินงบประมาณกรุงเทพมหานครมีการปรับลดงบประมาณลงจากที่ตั้งไว้ 83,000 ล้านบาท เหลือเพียง 68,000 ล้านบาท เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายและมีการจัดทำงบเพิ่มเติม 2 ฉบับ จำนวน 2,640 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาจากวงเงินงบประมาณที่ถูกปรับลดลงดังกล่าว ปัจจุบันเป็นช่วงต้นปีงบประมาณพ.ศ. 2565

ประเด็นสำคัญในการบริหารจัดการ คือ ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19

โดยสรุป ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้การบริหารจัดการงบประมาณ ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสำนักงบประมาณกรุงเทพมหานครยังปฏิบัติหน้าที่ในการบริหาร และติดตามประเมินผลงบประมาณ ให้หน่วยรับงบประมาณสามารถใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผน เพื่อให้เงินงบประมาณลงสู่ระบบเศรษฐกิจ และประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

4.สำนักพัฒนาสังคมนำเสนอในหัวข้อ“ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจและมาตรการรองรับและการให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs)”

นายกานต์ มีสัตย์ธรรม นักพัฒนาสังคมปฏิบัติการ นำเสนอข้อมูล ดังนี้

            กรุงเทพมหานครได้กำหนดนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการ Bangkok Brand และ OTOP เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงขยายเครือข่ายการผลิตขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน สำหรับโครงการคัดสรรแบรนด์กรุงเทพฯ ภายใต้โครงการนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคัดเลือกจะสามารถใช้ตราสัญลักษณ์ Bangkok Brand บนผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ Premium, Gold และ Bronze ขณะเดียวกันได้ดำเนินโครงการหนึ่งตำบล    หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นธุรกิจในท้องถิ่นและสนับสนุนผลิตภัณฑ์เฉพาะที่ผลิตและจัดจำหน่ายในท้องถิ่น มีการแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 ประเภท 1. ผลิตภัณฑ์อาหาร 2. ผลิตภัณฑ์อาหาร 3.ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและ เครื่องแต่งกาย 4. ผลิตภัณฑ์ของใช้/ของตกแต่ง/ของที่ระลึก 5.ผลิตภัณฑ์สมุนไพรผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ต่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ Bangkok Brand และ OTOP การระบาดของโควิด19 ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวมาสู่การจำหน่ายสินค้าออนไลน์แทนการออกร้าน โดยในปี พ.ศ. 2564 มีผู้ประกอบการ Bangkok Brand และ OTOP จำนวน 114 รายจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ดังนั้นสำนักพัฒนาสังคมจึงได้จัดอบรมหลักสูตรที่สนับสนุนการจำหน่ายและประกอบธุรกิจออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการ พร้อมทั้งได้ให้บริการ Bangkok Brand Clinic เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำและช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีในการเข้าถึงตลาดออนไลน์ นอกจากนั้น ระหว่างผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 สำนักพัฒนาสังคมได้จัดกิจกรรมการออกร้านเพื่อจำหน่ายสินค้า “Green Market” ทุกสัปดาห์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการฯ จำหน่ายสินค้าที่ศาลากลางกรุงเทพมหานคร ขณะที่กรมพัฒนาชุมชนฯ ได้จัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้า Thai OTOP Fighting COVID 19 Festival เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการเช่นกัน  คำถามผลจากการจำหน่ายสินค้าบนช่องทางออนไลน์เป็นอย่างไรบ้างการจำหน่ายออนไลน์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อเป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ Bangkok brand ซึ่งมียอดจำหน่ายรวมไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการจำหน่ายในงานออกร้าน ซึ่งได้พบลูกค้าโดยตรงทำให้ขายได้มากกว่า สำหรับความท้าทายในการจำหน่ายออนไลน์คือ การทำความเข้าใจดิจิทัลเทคโนโลยี ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึง อย่างไรก็ตามสำนักพัฒนาสังคมได้สนับสนุนการให้ความรู้ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ให้กับ      ผู้ประกอบการแล้ว4. สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวนำเสนอในหัวข้อ“ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร” นายสิทธิโชค พัดเย็น นักพัฒนาการ  ท่องเที่ยวปฏิบัติการ นำเสนอข้อมูล ดังนี้

4.1 ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานครเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวได้รับรางวัลจากมาสเตอร์การ์ดให้เป็น“เมืองที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุด” สี่ปีซ้อนตั้งเเต่  ปี พ.ศ. 2559 – 2562 สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่เป็นที่รู้จัก คือ พระบรมมหาราชวัง วัดอรุณฯ และเยาวราช ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวในปี พ.ศ. 2562 สูงถึง 6เเสนล้านบาทจากจำนวนนักท่องเที่ยว 24 ล้านคน

เเละหลังจากนั้น ปี พ.ศ. 2563 เกิดการเเพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก่อผลกระทบได้แก่ จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง

จากการประกาศของกระทรวงการต่างประเทศปี พ.ศ. 2562 มีนักท่องเที่ยวประมาณ 24 ล้านคนเเต่ในปี พ.ศ. 2563 และพ.ศ. 2564 นักท่องเที่ยวลดลง 80% เเละ 90% ตามลำดับ ส่งผลให้กรุงเทพมหานครซึ่งเมืองแห่งการท่องเที่ยว มีรายได้จากการท่องเที่ยวลดลงจาก 6เเสนล้านบาท เหลือ 8พันล้านบาท ขณะที่สมาคมโรงเเรมไทย ที่พักเเละการบริการอื่นๆด้านการท่องเที่ยวต้องปิดตัวลง ส่งผลให้คนงานในภาคบริการอย่างน้อย 1 ล้านคนถูกเลิกจ้างจากประสบปัญหาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปประมาณ 10 ล้านคน โดยรัฐบาลได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ภายใต้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”   

4.2 การเตรียมตัวเพื่อเปิดประเทศ

กรุงเทพมหานครร่วมมือกับการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทยกำหนดมาตรฐานผู้ให้บริการท่องเที่ยวเพื่อทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจ ภายใต้ชื่อ Amazing Thailand safety and health administration certification โดยมีโรงเเรม ร้านอาหารและตลาดเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนั้น กรุงเทพมหานครได้พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเเละสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เช่น คลองช่องนนทรี คลองโอ่งอางเพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยว สำหรับเหตุผลในการเปิดประเทศ เพราะสภาวะทางเศรษฐกิจ 

 

ข้อเสนอแนะ
ติดตามเรา