กรุงปารีสตกลงที่จะเปลี่ยนถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs-Élysées) ให้กลายเป็น “สวนสุดพิเศษ”
นายกเทศมนตรี แอนน์ อิดาลโก (Anne Hidalgo) อนุมัติงบประมาณกว่า 225 ล้านปอนด์ เพื่อแผนการเปลี่ยนถนนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงของฝรั่งเศส
นายกเทศมนตรี แอนน์ อิดาลโก (Anne Hidalgo) อนุมัติงบประมาณกว่า 225 ล้านปอนด์ เพื่อแผนการเปลี่ยนถนนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงของฝรั่งเศส
10 มกราคม 2564
นายกเทศมนตรีกรุงปารีสกล่าวว่า แผนการปรับปรุงถนนฌ็องเซลิเซ่มูลค่า 250 ล้านยูโร (225 ล้านปอนด์) จะดำเนินต่อไป แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ จะไม่สามารถเปิดได้ทันกำหนดการที่เมืองหลวงของฝรั่งเศสแห่งนี้จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 2024
แอนน์ อิดาลโก กล่าวถึงงานที่ได้วางแผนเอาไว้ ซึ่งเปิดตัวในปี 2019 โดยผู้นำชุมชนและธุรกิจท้องถิ่น จะเปลี่ยนถนนที่ทอดผ่านใจกลางกรุงปารีสระยะทางกว่า 1.9 กิโลเมตร (1.2 ไมล์) ให้กลายเป็น “สวนสุดพิเศษ”
คณะกรรมการฌ็องเซลิเซ่ได้รณรงค์ให้มีการออกแบบถนนและพื้นที่โดยรอบครั้งใหญ่ตั้งแต่ปี 2018
The Champs-Élysées committee has been campaigning for a major redesign of the avenue and its surroundings since 2018.
“ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ถนนในตำนานแห่งนี้ได้สูญเสียความงดงามไป ซึ่งเป็นผลากการที่ชาวปารีสค่อย ๆ ทอดทิ้งสถานที่แห่งนี้และเป็นผลจากวิกฤตการณ์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงของขบวนการเสื้อกั๊กเหลือง (the gilets jaunes) การนัดหยุดงาน ปัญหาด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ” คณะกรรมการกล่าวในแถลงการณ์ต้อนรับการประกาศของนายกเทศมนตรีอิดาลโก
“ถนนฌ็องเซลิเซ่มักจะถูกเรียกว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก แต่พวกเราที่ทำงานที่นี่ทุกวันไม่ค่อยแน่ใจเรื่องนี้นัก” Jean-Noël Reinhardt ประธานคณะกรรมการปี 2019 กล่าว
“ถนนฌ็องเซลิเซ่มีมาเยือนมากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นสนามการค้าของธุรกิจชื่อดังที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ แต่สำหรับชาวฝรั่งเศสแล้วมันดูทรุดโทรมมาก”
คณะกรรมการได้จัดให้มีการปรึกษาหารือสาธารณะเกี่ยวกับสิ่งที่ควรจัดการกับถนนแห่งนี้ แผนการดังกล่าวซึ่งรวมถึงการลดพื้นที่สำหรับยานพาหนะลงครึ่งหนึ่ง เปลี่ยนถนนเป็นทางเท้าและพื้นที่สีเขียว และสร้างอุโมงค์ต้นไม้เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศชื่อฌ็องเซลิเซ่เป็นภาษาฝรั่งเศสที่ใช้เรียกสวรรค์ในตำนานของกรีกชื่อ Elysian Fields ซึ่งเดิมเป็นการผสมกันของบึงและสวนครัว
André Le Nôtre นักจัดสวนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (ผู้มีฉายาว่า สุริยกษัตริย์) เป็นคนแรกที่ออกแบบทางเดินเล่นที่ขนาบด้วยต้นเอล์มสองแถวในแต่ละด้าน ซึ่งเรียกว่า “Grand Cours”
ทางเดินนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นฌ็องเซลิเซ่ในปี 1709 และขยายพื้นที่ออกไป และในช่วงปลายศตวรรษ ถนนดังกล่าวได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเดินเล่นและปิกนิก
กรุงปารีสเฉลิมฉลองการปลดแอกจากการยึดครองของนาซีในปี 1944 บนถนนฌ็องเซลีเซ่ และการเฉลิมฉลองชัยชนะในฟุตบอลโลก ได้ดึงดูดผู้คนจำนวนมากเข้ามา แต่ความนิยมดังกล่าวก็ได้จางหายไปและเกือบจะกลายเป็นที่รังเกียจของชาวปารีส
ปัจจุบัน ฌ็องเซลีเซ่มีชื่อเสียงในเรื่องร้านกาแฟราคาแพง ร้านค้าหรูหรา โชว์รูมรถหรูแบบไฮ-เอนด์ ที่มาพร้อมค่าเช่าเชิงพาณิชย์ที่สูงที่สุดในโลกและขบวนพาเหรดวันชาติ (Bastille Day) ประจำปี
ก่อนที่วิกฤตโควิด-19 จะหยุดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ สถาปนิก Philippe Chiambaretta เจ้าของบริษัท PCA-Stream ซึ่งเป็นผู้ร่างแผนปรับปรุงนี้ กล่าวว่า มีประชาชนคนเดินเท้าในทุกวันกว่า 100,000 คน โดยร้อยละ 72 คือนักท่องเที่ยว และร้อยละ 22 คือคนที่ทำงานที่นั่น
เขากล่าวเสริมว่า มีรถวิ่งบนทางหลวงแปดช่องนี้ประมาณ 3,000 คันต่อชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เป็นทางผ่านและทำให้ถนนเส้นนี้เกิดมลพิษมากกว่าถนนวงแหวนรอบนอกเมืองหลวงของฝรั่งเศสChiambaretta กล่าวว่า ฌ็องเซลีเซ่ได้กลายเป็นศูนย์รวมปัญหาที่เมืองต่าง ๆ ทั่วโลกต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องมลภาวะ ปัญหาพื้นที่จอดรถ ปัญหาด้านการท่องเที่ยวและบริโภคนิยม ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาระบบใหม่เพื่อให้เป็นสถานที่ที่ “มีระบบนิเวศน์ที่ดี น่าปรารถนา และมีความครอบคลุม”
แผนการเปลี่ยนถนนดังกล่าวได้รวมถึงการออกแบบ “Place de la Concorde” ลานกว้างขนาดใหญ่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของถนนที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีสตามคำอธิบายของศาลาว่าการเมืองในฐานะ “ผู้จัดลำดับความสำคัญของเทศบาลเมือง” โดยแผนการปรับปรุงถนนนี้คาดว่าจะเสร็จก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงถนนฌ็องเซลิเซ่ภายในปี 2030
นายกเทศมนตรีอิดาลโกกล่าวกับสำนักพิมพ์ Le Journal du Dimanche ว่า โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงเมือง “ก่อนและหลัง 2024” ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนพื้นที่รอบ ๆ หอไอเฟลให้เป็น “สวนสาธารณะสุดพิเศษใจกลางกรุงปารีส”
